รายละเอียดสินค้า
คุณสมบัติระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมของ [ลวดเชื่อมสเตอไลท์ G-6]
ลวดเชื่อมสเตอไลท์ G-6 จาก KOVET คือสุดยอดวัสดุสำหรับการพอกผิวแข็ง (Hardfacing) ที่ช่วยยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนสำคัญในโรงงานอุตสาหกรรม ลวดเชื่อมนี้มีโคบอลต์เป็นส่วนประกอบหลัก ผสมกับโครเมียม (Cr) และทังสเตน (W) ทำให้เกิดโครงสร้างคาร์ไบด์ที่แข็งแกร่งกระจายตัวอยู่ในเนื้อโลหะ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้มีคุณสมบัติที่โดดเด่นรอบด้านและถือเป็นมาตรฐานสำหรับงานพอกผิวแข็งทั่วไป
การเลือกใช้ ลวดเชื่อม หมายถึงการลงทุนในความทนทาน เพราะให้ค่าความแข็งในสถานะเชื่อมประมาณ 36-45 HRC และรักษาความแข็งนี้ไว้ได้ดีเยี่ยมแม้ในอุณหภูมิการใช้งานสูงถึง ซึ่งเหนือกว่าเหล็กกล้าทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด
จุดเด่นและประโยชน์หลักของการพอกผิวด้วยลวดเชื่อมโคบอลต์เบส
ทนทานต่อการสึกหรอและการกัดเซาะอย่างเหนือชั้น
คุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของลวดเชื่อมประเภทนี้คือความต้านทานต่อการสึกหรอในหลากหลายรูปแบบ:
- ต้านทานการขัดถู (Abrasion): ทนต่อการสึกหรอที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของอนุภาคแข็ง
- ต้านทานการกัดเซาะ (Erosion): ทนต่อการสึกหรอที่เกิดจากการไหลของของเหลวหรือไอน้ำที่รวดเร็ว (Cavitation) เหมาะสำหรับชิ้นส่วนในปั๊มและวาล์ว
- ทนต่อ Galling: การสึกหรอแบบโลหะต่อโลหะ (Metal-to-Metal Wear) ซึ่งพบมากในชิ้นส่วนที่ต้องเลื่อนหรือหมุนสัมผัสกันภายใต้แรงกด
คงความแข็งแรงสูงที่อุณหภูมิสูง
ชิ้นส่วนในอุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมีมักทำงานภายใต้ความร้อนสูง สามารถรักษาความแข็งและความแข็งแรงของตัวเองไว้ได้ดี ไม่เกิดการอ่อนตัวหรือเสียรูปทรงเมื่อทำงานที่อุณหภูมิสูง ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการซ่อมแซม บ่าวาล์วไอน้ำร้อน (Valve Seats) หรือคมตัดที่ต้องสัมผัสความร้อนตลอดเวลา
วิธีใช้งานและข้อแนะนำในการเชื่อม
KOVET Stellite G-6 สามารถใช้ได้กับกระบวนการเชื่อมหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่ง TIG Welding (GTAW) ซึ่งให้แนวเชื่อมที่เรียบเนียนและควบคุมความร้อนได้ดีที่สุด และ Oxy-Fuel Gas Welding (เชื่อมแก๊ส) สำหรับงานพอกผิวขนาดเล็ก
ขั้นตอนสำคัญที่ต้องใส่ใจ:
- การเตรียมชิ้นงาน: ทำความสะอาดผิวโลหะฐานให้ปราศจากสนิมและคราบสกปรก
- การให้ความร้อนก่อนเชื่อม : เนื่องจากโลหะผสมโคบอลต์มีอัตราการขยายตัวต่ำ การให้ความร้อนแก่ชิ้นงาน (อุณหภูมิประมาณ ขึ้นอยู่กับโลหะฐาน) เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการแตกร้าวของแนวเชื่อม
- การควบคุมอุณหภูมิ: ควบคุมกระแสไฟและอุณหภูมิระหว่างการเชื่อมให้คงที่ เพื่อให้แนวเชื่อมซึมลึกและหลอมรวมกับชิ้นงานฐานได้ดี
- การปล่อยให้เย็นตัวอย่างช้าๆ : ข้อนี้สำคัญที่สุด! ห้ามปล่อยให้ชิ้นงานเย็นตัวอย่างรวดเร็ว (เช่น ห้ามจุ่มน้ำ) หลังจากเชื่อมเสร็จ ควรนำชิ้นงานไปแช่ในวัสดุฉนวนความร้อน เช่น ปูนขาวแห้ง หรือทรายแห้ง เพื่อให้เย็นตัวลงอย่างช้า ๆ เป็นเวลาหลายชั่วโมง เพื่อป้องกันความเครียดสะสมและ การแตกร้าวที่แนวเชื่อม